ผลของการเรียนรู้นอกห้องเรียนจากภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านการประกอบอาชีพบูรณาการการเรียนรู้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในห้องเรียนที่ส่งผลต่อการเรียนรู้วิทยาศาสตร์
และเทคโนโลยีสารสนเทศ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
ผู้วิจัย นายจักรเพชร เทียนไชย, นางนันทวดี เทียนไชย,
ผู้วิจัย นายจักรเพชร เทียนไชย, นางนันทวดี เทียนไชย,
บทคัดย่อ
แนวการจัดการศึกษาตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช
2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ทุกฉบับ
ยึดหลักว่าผู้เรียนมีความสำคัญที่สุดและถือว่า
ผู้เรียนทุกคนมีความสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้
กระบวนการจัดการศึกษาต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนได้รับการพัฒนาตามศักยภาพ
อย่างเต็มความสามารถ
การจัดกระบวนการเรียนรู้ต้องจัดให้สอดคล้องกับความสนใจและความถนัดของผู้เรียน เน้นให้ผู้เรียนได้คิดวิเคราะห์แก้ปัญหา ได้เรียนรู้จากประสบการณ์และได้ลงมือปฏิบัติจริง
เปิดโอกาสให้ผู้ปกครองและชุมชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนากระบวนการเรียนรู้
การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ต้องเปิดโอกาสให้นักเรียนได้เรียนรู้ตามความสนใจจากแหล่งเรียนรู้ต่าง
ๆพร้อมทั้งสนับสนุนให้มีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ ในการศึกษาค้นคว้าหาความรู้ เพื่อให้ผู้เรียนค้นพบความรู้ด้วยตนเอง
โดยครูคอยให้ความช่วยเหลือสนับสนุนและอำนวยความสะดวกให้ผู้เรียนได้เรียนรู้อย่างเต็มศักยภาพ เป็นการฝึกให้นักเรียนแก้ปัญหา
หรือข้อสงสัยโดยใช้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ในหลายด้านทั้ง ทักษะการคิด
วิเคราะห์ การตัดสินใจและกระบวนการกลุ่ม
การเรียนรู้นอกห้องเรียนจากภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านการประกอบอาชีพบูรณาการการเรียนรู้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในห้องเรียนที่ส่งผลต่อการเรียนรู้วิทยาศาสตร์
และเทคโนโลยีสารสนเทศ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีวัตถุประสงค์เพื่อ
1)
ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการดำรงชีวิตและการประกอบอาชีพของชุมชนในท้องถิ่น, การใช้ประโยชน์จากแหล่งน้ำและทรัพยากรธรรมชาติในท้องถิ่น
2)
ผู้เรียนมีความตระหนักในตนเองรักและภาคภูมิใจในท้องถิ่น , รู้จักหวงแหนทรัพยากร ใน
ท้องถิ่นของตน และแนะนำผู้อื่นได้
3) สำรวจความคิดเห็นของนักเรียนที่มีต่อการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ
ประชากรที่ใช้ในการศึกษา
เลือกโดยวิธีการเลือกแบบเจาะจงจากนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 3
ปีการศึกษา 2555 ของโรงเรียนบ้านคลองสมบูรณ์สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาจังหวัดสมุทรสงคราม
จำนวน 21 คน
เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา ประกอบด้วย
1) แผนการจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์สาระสิ่งมีชีวิตกับกระบวนการดำรงชีวิต
หน่วยการเรียนรู้เรื่องการดำรงชีวิตของมนุษย์และสิ่งแวดล้อม
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
2) แผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการงานอาชีพและเทคโนโลยีสาระที่
3 เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
3) แบบประเมินผลงานนักเรียน
4) แบบสอบถามความคิดเห็นที่มีต่อจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ
3) แบบประเมินผลงานนักเรียน
4) แบบสอบถามความคิดเห็นที่มีต่อจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ
วิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากการการประเมินผลงานนักเรียน โดยใช้ ระดับคุณภาพ
และค่าเฉลี่ย (mean)
สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับความคิดเห็น นำไปวิเคราะห์โดยการหาค่าเฉลี่ย (mean) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (standard
deviation)
ผลการวิจัยพบว่า
1)
ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการดำรงชีวิตและการประกอบอาชีพของชุมชนในท้องถิ่น, การใช้ประโยชน์จากแหล่งน้ำและทรัพยากรธรรมชาติในท้องถิ่น อยู่ในระดับดี
มีค่าเฉลี่ย 73.5
2)
ผู้เรียนมีความตระหนักในตนเองรักและภาคภูมิใจในท้องถิ่น , รู้จักหวงแหนทรัพยากร ใน
ท้องถิ่นของตน และแนะนำผู้อื่นได้ โดยมีผลงานที่สะท้อนความตระหนักของนักเรียนในรูปแบบของ
รายงานการสืบค้นข้อมูล หนังสืออิเลคทรอนิกส์ และ วิดิทัศน์
เกี่ยวกับอาชีพในท้องถิ่นที่ตนเองสนใจ
3)
ความคิดเห็นของนักเรียนที่มีต่อการเรียนการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสารสนเทศอยู่ในเกณฑ์ดีมาก